กระเป๋าเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับนักเดินทาง หรือนักท่องเที่ยว และขนาดกระเป๋าเดินทาง ก็เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเราต้องใส่สิ่งของของเราไว้ทั้งหมดแล้ว ถ้าเลือกกระเป๋าเดินทางไม่ดีอาจทำให้ทริปท่องเที่ยวนั้นเกิดข้อผิดพลาดได้เลย แล้วขนาดกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมควรเลือกยังไง วันนี้ Vacation On จะมาไขข้อข้อใจให้ทุกคนค่ะ
ขนาดของกระเป๋าเดินทาง
ขนาดกระเป๋าเดินทางในปัจจุบันมีให้เราเลือกเยอะขึ้น และมีรูปแบบหลายรูปแบบทั้งแบบล้อลาก แบบกระเป๋าสะพายหลัง หรือจะเป็นแบบกระเป๋หิ้ว แต่ทุกแบบก็จะมีขนาดให้เราเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการของเรา และกระเป๋าประเภทที่หลายคนสับสนเรื่องของขนาดมากที่สุดคือ กระเป๋าเดินทางแบบลาก วันนี้เราจะพาไปรู้จักขนาดของกระเป๋าเดินทางแบบลากกันค่ะ ว่ามีกี่ขนาด
- กระเป๋าเดินทางขนาด 16 – 18 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางขนากเล็กที่สุด มีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับใส่ของใช้ที่จำเป็นเล็กน้อย หรือเป็นการค้างคืนเพียงคืนเดียว แต่เป็นกระเป๋าเดินทางที่สามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องได้สบาย - กระเป๋าเดินทางขนาด 18 – 22 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางที่มีขนาดกลาง ใส่ของใช้ที่จำเป็นได้อย่างเพียงพอกับทริปเดินทางสั้นๆ เช่น การค้างคืนต่างจังหวัด 2 – 3 คืน สามารถใส่ของฝากได้เล็กน้อย และสามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องได้ - กระเป๋าเดินทางขนาด 24 – 26 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากอีกนิดหน่อย เหมาะกับทริปการเดินทางระยะกลาง เช่นการเดินทางไปต่างจังหวัดหลายๆ วัน หรือการเดินทางไปต่างประเทศในประเทศใกล้ๆ ไม่สามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องได้ จะต้องทำการโหลดใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น - กระเป๋าเดินทางขนาด 28 – 32 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่สามารถใส่ของใช้ได้อย่างจุใจ เหมาะกับการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศทริปยาวๆ เกิน 7 วันขึ้นไป ไม่สามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องได้ ต้องทำการโหลดใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น
ประเภท หรือวัสดุ ของกระเป๋าเดินทาง
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีนะคะว่า กระเป๋าเดินทางในปัจจุบันมีให้เราเลือกมากมาย หลากหลายรูปแบบ และวัสดุที่ใช้ทำ ส่วนราคานั้นก็ลดหลั่นกันไปตามวัสดุ หรือฟังก์ชั่นพิเศษที่แต่ละยี้ห้อทำออกมาให้เราได้เลือก โดยส่วนใหญ่กระเป๋าเดินทางที่ได้รับความนิยม จะทำออกมา 2 รูปแบบหลักๆ คือ Soft Case (แบบผ้า) และ Hard Case (แบบแข็งที่ทำจากพลาสติก ABS หรือ PC) และหลายๆ คนอาจมีข้อสงสัยว่าแบบไหนดีกว่ากัน หรือถ้าจะเลือกกระเป๋าเดินทางควรเลือกแบบไหน Vacation On จะทำการเปรียบเทียบข้อดี และข้อเสีย ของแต่ละแบบให้ดูกันเพื่อช่วยในการตัดสินใจของทุกคนกันค่ะ
- Soft Case (แบบผ้า) เป็นกระเป๋าที่ผลิตด้วยวัสดุที่ใช้ผ้าเป็นหลัก ตัวกระเป๋าจะมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ค่อยเกิดรอยขีดข่วน มีน้ำหนักเบา อายุใช้งานนาน เพราะไม่แตกง่าย แต่เนื่องจากเป็นผ้า หากฝนหรือหิมะตกก็อาจทำให้ของภายในเปียกได้ ทำความสะอาดยาก และกระเป๋าแบบผ้านั้นยังเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมได้ง่าย เพราะสามารถกรีดได้
- Hard Case (แบบแข็งที่ทำจากพลาสติก ABS หรือ PC) แบบ Hard Case ตัวกระเป๋าจะผลิตจากโพลีพลาสติก สามารถปกป้องของภายในได้ดีกว่าแบบ Soft Case รูปทรงสวยงาม ดีไซน์สวยทันสมัย มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก น้ำหนักเบา กันน้ำได้ดี แต่เกิดรอยขีดข่วน หรือรอยเปื้อนได้ง่าย ในขณะเดียวกันก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
และกระเป๋าทั้งสองแบบก็มีล้อลากให้เลือก ทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ แต่เพื่อความสะดวก และความง่ายในการใช้ง่าย Vacation On ก็แนะนำให้ทุกคนเลือกซื้อแบบ 4 ล้อจะดีกว่าเพราะสามารถหมุนได้อิสระแบบ 360 องศา มีความลื่นไหลเวลาลากมากกว่า และยังช่วยประหยัดแรงเวลาที่เราต้องลากเดินทาง เพราะสามารถลากในแนวตรงได้
วิธีเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง
ในการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง เราก็ควรมีหลักการในการเลือกซื้อที่ต้องให้ความสำคัญนะคะ เพื่อให้เราได้กระเป๋าเดินทางที่ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า กับราคาที่เราจ่ายไป วิธีเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางมีหลักการในการเลือกดังนี้
เลือกตามจำนวนวันเดินทาง
ก่อนที่เราจะลงทุนซื้อกระเป๋าเดินทางใบใหม่หรือการซื้อกระเป๋าเดินทางใบแรก เราควรพิจารณาความเหมาะสมของจำนวนระยะเวลาในการเดินทางของเราเป็นหลัก ว่าส่วนใหญ่ทริปการเดินทางของเราเป็นทริประยะสั้น หรือทริประยะยาว ปกติแล้วการเดินทางของเราใช้เวลากี่วัน เพราะถ้าเราซื้อกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดเล็กเกินไปก็อาจทำให้เราใส่ของได้ไม่พอ หรือถ้าซื้อใหญ่เกินไปก็อาจทำให้เราได้พื้นที่เกินความจำเป็น เสียเงินโดยไม่ได้ประโยชน์ ยกตัวอย่างกระเป๋าเดินทางที่แนะนำสำหรับ
ทริปการเดินทางระยะสั้น 1 – 2 วัน แนะนำเป็นกระเป๋าเดินทางขนาด 16 – 18 นิ้ว จะสะดวกและคล่องตัว สามารถถือขึ้นเครื่องได้สบาย
ทริปการเดินทางระยะสั้น 3 – 5 วัน แนะนำเป็นกระเป๋าเดินทางขนาด 20 – 22 นิ้ว สามารถใส่เสื้อผ้า ของใช้ได้เพิ่มมากขึ้น มีพื้นที่เหลือพอสำหรับของฝาก
ทริปการเดินทางระยะสั้น 6 – 8 วัน แนะนำเป็นกระเป๋าเดินทางขนาด 24 – 26 นิ้ว มีพื้นที่เยอะพอสำหรับเสื้อผ้าและของใช้ที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถถือขึ้นเครื่องได้
ทริปการเดินทางระยะสั้น 9 วันขึ้นไป แนะนำกระเป๋าเดินทางขนาด 28 – 32 นิ้วขึ้นไป จะเหมาะสมสำหรับการใส่สัมภาระสำหรับทริปยาวๆ ไม่ต้องมีกระเป๋าเล็กให้พะรุงพะรัง
เลือกตามสถานที่ที่จะเดินทาง
การรู้ว่าสถานที่ที่เราจะเดินทางไปเป็นแบบไหน ก้มีความสำคัญต่อการเลือกกระเป๋าเดินทางเช่นกัน เพราะการใช้กระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมกับสถานที่จะทำให้เราเดินทางได้ง่ายขึ้น
กระเป๋าเดินทางแบบสะพายหลัง เหมาะสำหรับทริปการเดินทางที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ อาจเป็นการท่องเที่ยวแบบ Bagpacker ที่มีของไม่มาก เปลี่ยนที่นอนบ่อย หรือการนอนในโรงแรมที่มีการใช้พื้นที่ร่วมกันกับคนอื่น หรือเป็นทริปที่เราเดินป่า เที่ยวบนเขาบนดอย มีความคล่องตัวกว่ากระเป๋าแบบลาก
กระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก เหมาะสำหรับทริปเดินทางที่มีการเดินทางที่สะดวกสบาย มีพื้นที่เรียบ เช่น การเดินทางในเมือง การเดินช็อปปิ้ง มีโรงแรมที่พักส่วนตัว มีพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสิ่งของได้อย่างเป็นระเบียบ ปลอดภัย ใส่ของได้มากกว่าโดยที่ไม่ต้องแบกน้ำหนักเหมือนกระเป๋าแบบสะพายหลัง
วิธีตรวจเช็คกระเป๋าเดินทางก่อนซื้อ
หลังที่เราผ่านกระบวนการในการเลือกกระเป๋าเดินทางตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เราจะทำการจ่ายเงินให้เราตรวจสอบตามจุดต่างๆ ดังต่อไปนี้เพื่อให้ได้กระเป๋าที่ดีที่สุดค่ะ
- ล้อ ควรเลือกกระเป๋าล้อลากแบบ 4 ล้อ ช่วยผ่อนแรง ลากได้ง่าย
- ความแข็งแรงทนทาน ควรเลือกกระเป๋าเดินทางแบบแข็งที่ใช้วัสดุ ABS ซึ่งทนทานต่อแรกกระแทก
- ซิบ ควรเลือกซิบแบบ 2 ชั้น เพื่อป้องกันซิบแตกและการโจรกรรม
- คันชัก ควรเลือกคันชักที่มีความแข็งแรงทนทาน ขยับแล้วไม่เคลื่อนหลุดง่าย
- หูหิ้ว ควรเลือกแบบที่ยึดติดกับกระเป๋า
- ช่องเก็บของ ควรเลือกกระเป๋าที่มีสายรัดบริเวณช่องเก็บของ เพื่อป้องกันของกระจัดกระจาย
- รูปแบบกระเป๋า ควรเลือกแบบที่เราชอบ มีความโดดเด่น จำได้ง่ายสำหรับเรา
- ประกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ควรเลือกกระเป๋าที่มีการรับประกัน เวลาส่งซ่อมจะได้ไม่ต้องเสียเงินเยอะ
ขนาดกระเป๋าเดินทาง และวิธีในการเลือกกระเป๋าเดินทางที่ Vacation On นำมาฝากวันนี้ น่าจะทำให้ทุกคนที่กำลังมองหาหระเป๋าเดินทางใบใหม่ หรือกระเป๋าเดินทางใบแรก มีข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นนะคะ การลงทุนกับกระเป๋าเดินทางดีๆ สักใบ หรือการเลือกกระเป๋าที่เหมาะสมกับการเดินทางของเรา จะทำให้การเดินทางของเราสะดวกสบาย และสนุกมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าจะพัง หรือจะใส่ของไม่พอ